รายละเอียดคำขอ

เลขที่คำขอ: 1801007594


12/06/2560
7/12/2561
1801007594A
29/04/2567

อิมมูโนกลอบูลินสังยุคไลซีน

C07K 16/00
เอไซ อาร์แอนด์ดี เมเน็จเมนต์ โก., แอลทีดี.
สปีเดล, จาเร็ด, อัลโบน, อาร์ล
นายจักรพรรดิ์ มงคลสิทธิ์, นางสาวปรับโยชน์ ศรีกิจจาภรณ์, นายบุญมา เตชะวณิช, นายต่อพงศ์ โทณวณิก
ประกาศโฆษณาคำขอรับสิทธิบัตร

------04/03/2562------(OCR)
                                                หน้า 1 ของจำนวน 1 หน้าบทสรุปการประดิษฐ์          ที่ได้ให้ในที่นี้คืออิมมูโนกลอบูลินสังยุคและวิธีเพื่อการสร้างอิมมูโนกลอบูลินสังยุคที่ใช้ทรานสกลูทามิเนสของจุลินทรีย์
------------
                                            หน้า 1 ของจำนวน 1 หน้า


บทสรุปการประดิษฐ์
         ที่ได้ให้ในที่นีคืออิมมูโนกลอบูลินสังยุคและวิธีเพื่อการสร้างอิมมูโนกลอบูลินสังยุคที่ใช้
ทรานสกลูทามิเนสของจุลินทรีย์


------04/03/2562------(OCR)
                                          หน้า 1 ของจำนวน 17 หน้าข้อถือสิทธิ         1.วิธีเพื่อการสร้างอิมมูโนกลอบูลินสังยุค, วิธีที่ประกอบรวมด้วย:         การสัมผัสอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, กับทรานสกลูทามิเนสของจุลินทรีย์และสารที่ทำหน้าที่ที่ประกอบรวมด้วยซับสเทรตผู้ให้เอซิล, a) โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, ประกอบรวมด้วยหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรม, โดยที่หมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมคือการแทรกสอดหมู่ไลซีนหรือหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติซึ่งถูกกลายพันธุ์เป็นหมู่ไลซีน,        b)โดยที่ซับสเทรตผู้ให้เอซิลประกอบรวมด้วยหมู่กลูทามีน, และ        c)โดยที่สารที่ทำหน้าที่คือสารบำบัดหรือสารตรวจวินิจฉัย, โดยที่ทรานสกลูทามิเนสของจุลินทรีย์สังยุคหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมของอิมมูโนกลอบูลินหรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, กับหมู่กลูทามีนของซับสเทรตผู้ให้เอซิลบนสารที่ทำหน้าที่,ด้วยวิธีนั้นที่สร้างอิมมูโนกลอบูลินสังยุค       2.วิธีเพื่อการสร้างอิมมูโนกลอบูลินสังยุค, วิธีที่ประกอบรวมด้วย:       i) การสัมผัสอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, กับทรานสกลูทามิเนสของจุลินทรีย์และซับสเทรตผู้ให้เอซิล,       a)โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, ประกอบรวมด้วยหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรม, โดยที่หมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมคือการแทรกสอดหมู่ไลซีนหรือหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่ไลซีน, และ       b)โดยที่ซับสเทรตผู้ให้เอซิลประกอบรวมด้วยหมู่กลูทามีนและหมู่ที่ไวปฏิกิริยา,       โดยที่ทรานสกลูทามิเนสของจุลินทรีย์สังยุคหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมของอิมมูโนกลอบูลินหรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, กับหมู่กลูทามีนของซับสเทรตผู้ให้เอซิล, และ       ii) การสังยุคสารที่ทำหน้าที่กับหมู่ที่ไวปฏิกิริยาของซับสเทรตผู้ให้เอซิล, โดยที่สารที่ทำหน้าที่คือสารบำบัดหรือสารตรวจวินิจฉัย, ด้วยวิธีนันที่สร้างอิมมูโนกลอบูลินสังยุค       3.วิธีของข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่หมู่ที่ไวปฏิกิริยาของซับสเทรตผู้ให้เอซิลได้ถูกสังยุคกับสารที่ทำหน้าที่โดยคลิกเคมี       4.วิธีของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่หมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่ไลซีนเลือกได้จากกลุ่มที่ประกอบด้วย:หน้า 2 ของจำนวน 17 หน้าธรีโอนีน 135 (T135K), ซีรีน 136 (S136K), ลูซีน 193 (L193K), กรดแอสพาร์ติก 221(D221K), ธรีโอนีน 223 (T223K), อิสทิดีน 224 (H224K), ธรีโอนีน 225 (T225K), เมธิโอนีน 252(M252K), แอสพาราจีน 297 (N297K), หรือโพรลีน 445 (P445K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, สู1ชีน 201 (L201K) หรือชีรีน 202 (S202K) บนสายโซ่เบาแคปปาของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, หรือกรดกลูทามิก 213 (E213K) บนสายโซ่เบาแลม'ปึดาของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน5. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 4, โดยที่สายโซ่หนักประกอบรวมต่อไปด้วยหมู่กรดอะมิโนซึ่งได้ถูก เติมลงปลายด้าน C ของมันที่ตำแหน่ง 448, และโดยที่หมู่กรดอะมิโนดังกล่าวไม่เป็นโพรลีนหรือหมู่กรดอะมิโนที่เป็นกรด6. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 5, โดยที่หมู่กรดอะมิโนซึ่งได้ถูกเติมลงปลายด้าน C ที่ตำแหน่ง 448คือลูชีน7. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่การแทรกสอดหมู่ไลชีนคือหมู่ไลชีนซึ่ง ได้ถูกสอดใส่ระหว่างชีรีน 191 และชีรืน 192 หรือระหว่าง1ชีรีน 192 และลูชีน 193 บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน8. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, คือชิ้นส่วนที่จับเกาะ (Fab), และโดยที่หมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่ไลชีนเลือกได้จากกลุ่มที่ประกอบด้วย: กรดแอสพาร์ติก 221 (D221K), ธรีโอนีน 223 (T223K), อิสทิดีน 224 (H224K), ธรีโอนีน 225 (T225K), โพรลีน 228 (P228K), โพรลีน 230(P230K), และกรดกลูทามิก 233 (E233K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน9. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 8, โดยที่ Fab ประกอบรวมด้วยบริเวณพับทังหมด10. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 8, โดยที่ Fab ประกอบรวมด้วยบริเวณพับที่ถูกทำให้สันลง 11.วิธีของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, ประกอบรวมต่อไปด้วยหมู่ไลชีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สอง, โดยที่หมู่ไลชีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สองคือการแทรกสอดหมู่ไลชีนที่สองหรือหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สองซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่ไลชีนที่สอง, และโดยที่ทรานสกลูทามิฒสของจุลินทรีย์สังยุคหมู่ไลชีนที่ถูกทำวิศวกรรมหน้า 3 ของจำนวน 17 หน้าที่สองของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, กับหมู่กลูทามีนของซับสเทรตผู้ให้เอซิล12. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 11, โดยที่หมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมคือซีรีน 136 (S136K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับ เกาะแอนติเจนของมัน, และหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สองซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สองคือซีรีน 202 (S202K) บนสายโซ่เบาแคปปาของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน13. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 11, โดยที่หมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมคือธรืโอนีน 135 (T135K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่ จับเกาะแอนติเจนของมัน, และหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สองซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สองคือถูซีน 201 (L201K) บนสายโซ่เบาแคปปาของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน14. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 11, โดยที่หมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมคือธรีโอนีน 135 (T135K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่ จับเกาะแอนติเจนของมัน, และหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สองซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สองคือซีรีน 202 (S202K) บนสายโซ่เบาแคปปาของอิมมูโนกลอ'ถูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน15. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 13 หรือข้อถือสิทธิที่ 14, โดยที่สายโซ่หนักประกอบรวมต่อไปด้วยหมู่กรดอะมิโนซึ่งได้ถูกเติมลงปลายด้าน C ของมันที่ตำแหน่ง 448, และโดยที่หมู่กรดอะมิโนดังกล่าว ไม,เป็นโพรลีนหรือหมู่กรดอะมิโนที่เป็นกรด16. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 15, โดยที่หมู่กรดอะมิโนซึ่งได้ถูกเติมลงปลายด้าน C ที่ตำแหน่ง 448คือลูซีน17. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 11, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน,ประกอบรวมต่อไปด้วยหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สาม, โดยที่หมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สามคือ การแทรกสอดหมู่ไลซีนที่สามหรือหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สามซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่ไลซีนที่สาม, และโดยที่ทรานสกลูทามิเนสฃองจุลินทรีย์สังยุคหมู่ไลชีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สามของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, กับหมู่กลูทามีนของซับสเทรตผู้ให้เอซิลหน้า 4 ของจำนวน 17 หน้า18. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 17, โดยที่หมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมคือซีรีน 136 (S136K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, หมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สองซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สองคือแอสพาราจีน 297 (N297K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับ เกาะแอนติเจนของมัน, และหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สามซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สามคือซีรีน 202 (S202K) บนสายโซ่เบาแคปปาของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน19. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 17, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน,ประกอบรวมต่อไปด้วยหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สี่, โดยที่หมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สี่คือการ แทรกสอดหมู่ไลซีนที่สี่หรือหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สี่ซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่ไลซีน, และโดยที่ทรานสกลูทามิเนสของจุลินทรีย์สังยุคหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สี่ของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, กับหมู่กลูทามีนของซับสเทรตผู้ให้เอซิล20. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 19, โดยที่หมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมคือซีรีน 136 (S136K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับ เกาะแอนติเจนของมัน, หมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สองซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สองคือแอสพาราจีน 297 (N297K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, หมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สามซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สามคือซีรีน 202 (S202K) บนสายโซ่เบาแคปปาของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, และหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สี่ซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่ไลซีนที่ถูกทำ วิศวกรรมที่สี่คือโพรลีน 445 (P445K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน21. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่หมู่กรดอะมิโนหลังจากหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมไม่เป็นโพรลีนหรือหมู่กรดอะมิโนที่เป็นกรด22. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่หมู่กรดอะมิโนก่อนหมู่ไลซีนที่ถูกทำ วิศวกรรมไม่เป็นหมู่กรดอะมิโนที่เป็นกรด23. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่หมู่กรดอะมิโนก่อนหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมคือการแทรกสอดหมู่กรดอะมิโนที่ไม่เป็นกรด, หรือหน้า 5 ของจำนวน 17 หน้าหมู่กรดอะมิโนที่เป็นกรดตามธรรมชาติซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่กรดอะมิโนที่ไม่เป็นกรด24. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่หมู่กรดอะมิโนหลังจากหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมคือการแทรกสอดหมู่กรดอะมิโน, โดยที่การแทรกสอดหมู่กรดอะมิโนคือการแทรกสอดหมู่ กรดอะมิโนที่ไม่เป็นกรดและการแทรกสอดหมู่ที่ไม่เป็นโพรลีน, หรือหมู่กรดอะมิโนที่เป็นกรดตามธรรมชาติหรือหมู่โพรลีนตามธรรมชาติ, ซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่กรดอะมิโนที่ไม่เป็นกรดและหมู่ที่ไม่เป็นโพรลีน25. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 23, โดยที่หมู่กรดอะมิโนที่ไม,เป็นกรดคือไลซีน, อาร์จินีน, ฮิสทิดีน,ซีรีน, ธรีโอนีน, แอสพาราจีน, กลูทามีน, ซิสเทอีน, ไกลซีน, โพรลีน, อะลานีน, เวลีน, ไอโซลูซีน, ลูซีน, เมธโอนีน, เฟนิลอะลานีน, ไทโรซีน, หรือทริปโทเฟน26. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 23 หรือข้อถือสิทธิที่ 24, โดยที่การแทรกสอดหมู่กรดอะมิโนที่ไม่เป็นกรดคือการแทรกสอดไลซีน, อาร์จินีน, ฮิสทิดีน, ซีรีน, ธรีโอนีน, แอสพาราจีน, กลูทามีน,ซิสเทอีน, ไกลซีน, โพรลีน, อะลานีน, เวลีน, ไอโชลูซีน, ลูซีน, เมธีโอนีน, เฟนิลอะลานีน, ไทโรซีน,หรือทริปโทเฟน 27. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 24, โดยที่กรดอะมิโนที่ไม'เป็นกรดและหมู่ที่ไม่เป็นโพรลีนคือไลซีน,อาร์จินีน, ฮิสทิตีน, ซีรีน, ธรีโอนีน, แอสพาราจีน, กลูทามีน, ซิสเทอีน, ไกลซีน, อะลานีน, เวลีน,ไอโซลูซีน, ลูซีน, เมธีโอนีน, เฟนิลอะลานีน, ไทโรซีน, หรือทริปโทเฟน28. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 23 หรือข้อถือสิทธิที่ 24, โดยที่หมู่กรดอะมิโนที่เป็นกรดธรรมชาติคือกรดแอสพาร์ติกหรือกรดกลูทามิก 29. วิธีของข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือ 2, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, ประกอบรวมด้วยสายโซ่หนักซึ่งประกอบรวมต่อไปด้วยอย่างน้อยหนึ่งหมู่กรดอะมิโนซึ่งได้ถูกเติมลงปลายด้าน C ของมันที่ตำแหน่ง 448, และโดยที่อย่างน้อยหนึ่งหมู่กรดอะมิโนดังกล่าวไม่เป็นโพรลีนหรือหมู่กรดอะมิโนที่เป็นกรด30. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 29, โดยที่อย่างน้อยหนึ่งหมู่กรดอะมิโนซึ่งได้ถูกเติมลงปลายด้าน C ที่ตำแหน่ง 448 คือลูซีน31. วิธีของข้อถือสิทธิหนึ่งหรือข้อถือสิทธิที่ 1 หรือข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน,หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, ประกอบรวมด้วยสายโซ่เบาซึ่งประกอบรวมด้วยการแทรกสอดของหนึ่งถึงสี่กรดอะมิโนเพิ่มเติมหลังจากซ่สเทอีน 214, โดยที่การแทรกสอดหมู่ไลซีนคือหมู่ไลซีนหน้า 6 ของจำนวน 17 หน้าซึ่งได้ถูกสอดใส่หลังจากหนึ่งถึงสี่กรดอะมิโนเพิ่มเติม, และโดยที่หมู่ลูซีนได้ถูกแทรกสอดหลังจากหมู่ไลซีน32. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 31, โดยที่การแทรกสอดของหนึ่งถึงสี่กรดอะมิโนเพิ่มเติมหลังจากซิสเทอีน 214, หมู่ไลชีนซึ่งได้ถูกสอดใส่หลังจากหนึ่งถึงสี่กรดอะมิโนเพิ่มเติม, และหมู่ลูซีนซึ่งได้ถูก สอดใส่หลังจากหมู่ไลซีนประกอบรวมด้วยลำดับที่เลือกได้จากกลุ่มที่ประกอบด้วย: GKL, GGKL,GGSKL, และ GGSGKL33. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 1, โดยที่สารที่ทำหน้าที่ที่ประกอบรวมด้วยซับสเทรตผู้ให้เอซิลเป็นไปตามหนึ่งสูตร (I) หรือ (II):Z คือหมู่คาร์บอกซิลเบนซิลออกซี (CBZ) หรือหมู่กรดอะมิโน;Gin คือหมู่กรดอะมิโนกถูทามีน;แต่ละ L โดยเป็นอิสระคือตัวเชื่อมแนวตรงหรือเป็นกิ่งจาก 1 ถึง 20 คาร์บอนอะตอม, โดยที่หนึ่งคาร์บอนอะตอมหรือมากกว่าอาจเลือกให้และโดยเป็นอิสระถูกแทนที่ด้วยไนโตรเจน, ออกซิเจน หรือซัลเฟอร์อะตอม, และโดยที่แต่ละคาร์บอนและไนโตรเจนอะตอมอาจเลือกให้ถูกแทนที่; หรือแต่ละ L อาจเลือกให้และโดยเป็นอิสระเป็นหมู่กรดอะมิโน;m คือจำนวนเต็มจาก 0 ถึง 5;ท คือจำนวนเต็มจาก 0 ถึง 5; และY คือสารที่ทำหน้าที่. 34. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 33, โดยที่สารที่ทำหน้าที่ที่ประกอบรวมด้วยซับสเทรตผู้ให้เอซิลเป็นไปตามสูตร (I), และโดยที่ Z คือหมู่ CBZ; โดยที่แต่ละ L โดยเป็นอิสระคือส่วนพอลิเอธิลีนไกลคอล (PEG) (-0((CH2),)-), เอธิลเอมีน (-NH((CH2)2)-) หรือโพรพิลเอมีน (-NH((CH,)3)-); และโดยที่ ท คือ 0, 1, 2, 3, 4 หรือ 535. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 33, โดยที่สารที่ทำหน้าที่ที่ประกอบรวมด้วยซับสเทรตผู้ให้เอซิลเป็นไปตามสูตร (I), โดยที่ Z คือหมู่ CBZ, และ L คือกรดอะมิโน(Z)m-Gln-(L)n-(Y)(Y)-(L)n-Gln-(Z)m(I)(II) โดยที่36. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 35, โดยที่ L คือ Gly; m คือ 1; และ ท คือ 037. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 35, โดยที่ L คือ Gly; m คือ 1; และ ท คือ 125หน้า 7 ของจำนวน 17 หน้า38. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 33, โดยที่สารที่ทำหน้าที่ที่ประกอบรวมด้วยซับสเทรตผู้ให้เอซิลเป็นไปตามสูตร(II),โดยที่ Z คือหมู่ CBZ; m คือ 1;ท คือ 1,2หรือ3;และอย่างน้อยหนึ่ง L คือ Gly39. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 33, โดยที่สารที่ทำหน้าที่ Y คือออริสเททิน F40. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่ซับสเทรตผู้ให้เอซิลเปีนไปตามหนึ่งสูตร (III) หรือ (IV): หนึ่งคาร์บอนอะตอมหรือมากกว่าอาจเลือกให้และโดยเป็นอิสระถูกแทนที่ด้วยไนโตรเจน, ออกซิเจนหรือซัลเฟอร์อะตอม, และโดยที่แต่ละคาร์บอนและไนโตรเจนอะตอมอาจเลือกให้ถูกแทนที่; หรือแต่ละ L อาจเลือกให้และโดยเป็นอิสระเป็นหมู่กรดอะมิโน;m คือจำนวนเต็มจาก 0 ถึง 5;ท คือจำนวนเต็มจาก 0 ถึง 5; และ41. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 40, โดยที่ซับสเทรตผู้ให้เอซิลเป็นไปตามสูตร (III), และโดยที่ Z คือหมู่ CBZ; โดยที่แต่ละ L โดยเป็นอิสระคือส่วนพอลิเอธิลีนไกลคอล (PEG) (-0((CH,)2)-), เอธิลเอมีน(-NH((CH2)2)-) หรือโพรพิลเอมีน (-NH((CH2)3)-); และโดยที่ ท คือ 0, 1, 2, 3, 4, หรือ 542. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 40, โดยที่ซับสเทรตผู้ให้เอซิลเป็นไปตามสูตร (III), โดยที่ Z คือหมู่ CBZ, และโดยที่หนึ่ง L หรือมากกว่าคือกรดอะมิโน43. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 42, โดยที่ L คือ Gly; 1ฑ คือ 1; และ ทคือ 144. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 42, โดยที่ m คือ 1; และ ท คือ 045. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 40, โดยที่ซับสเทรตผู้ให้เอซิลเป็นไปตามสูตร (IV), โดยที่ Z คือหมู่CBZ; m คือ 1; ท คือ 1,2 หรือ 3; และอย่างน้อยหนึ่ง L คือ Gly 46. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 40, โดยที่ X คือหมู่ที่ไวปฏิกิริยาที่เลือกได้จากกลุ่มที่ประกอบด้วย(1แ,8ร,9ร)-ไบไซโคล[6.1.0] นอน-4-อิน-9-อิลเมธานอล (BCN),[Chem.5](Z)m-Gln-(L)n-(X)(X)-(L)n-Gln-(Z)m(HI)(IV)z คือหมู่คาร์บอกซิลเบนซิลออกซี (CBZ) หรือหมู่กรดอะมิโน;Gin คือหมู่กรดอะมิโนกลูทามีน;แต่ละ L โดยเป็นอิสระคือตัวเชื่อมแนวตรงหรือเป็นกิ่งจาก 1 ถึง 20 คาร์บอนอะตอม, โดยที่หน้า 8 ของจำนวน 17 หน้า(ไดเบนโซไซโคลออคไทน์; DBCO), ทรานส์-ไซโคลออคทีน(TCO), อะซิโด (N,), อัลไคน์, เททระซีนเมธิลไซโคลโพรพีน, นอร์บอร์นีน, ไฮดราไซด์/ไฮดราซีน,และอัลดีไฮด์47. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่สารบำบัดคือแอนติบอดีหรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, สารเคมีบำบัด, สารที่เป็นยา, สารก้มมันตภาพรังสี, สารที่เป็นพิษต่อเซลล์, สารปฏิชีวนะ, โมเลกุลขนาดเล็ก, กรดนิวคลีอิก, หรือพอลิเพพไทด์48. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่สารตรวจวินิจฉัยคือฟลูออโรฟอร์, สีฟลูออเรสเซนด์, เรดิโอนิวไคลด์, หรือเอนไซม์49. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่ทรานสกลูทามิเนสของจุลินทรีย์คือStreptomyces mobciraensis ทรานสกลูทามิเนสของจุลินทรีย50. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, คือ IgG, อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน51. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, คือ IgG2, IgG,, หรือ IgG4 อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน52. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, คือ IgA, IgA,, หรือ IgM อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน53. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, คือ IgD หรือ IgE, อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน54. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, คือชินส่วนที่จับเกาะ (Fab)55. วิธีของข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิก่อนหน้า, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, คืออิมมูโนกลอบูลินของมนุษย์, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, หรือฮิวแมไนซ์อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมันหน้า 9 ของจำนวน 17 หน้า56. วิธีของข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิก่อนหน้า, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, คือไคมีริกอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, หรืออิมมูโนกลอบูลินที่ไม่เป็นของมนุษย์, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน57. วิธีของข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิก่อนหน้า, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับ เกาะแอนติเจนของมัน, ประกอบรวมด้วยสองสายโซ่หนักและสองสายโซ่เบา58. วิธีของข้อใดๆของข้อถือสิทธิก่อนหน้า, โดยที่อัตราส่วนของสารที่ทำหน้าที่ต่ออิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, คือ 1:1 ถึง 100:1 หรือ 1:1 ถึง 200:159. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคที่ประกอบรวมด้วยอิมมูโนกลอบูลินหรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, และสารที่ทำหน้าที่, โดยที่ a) อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, ประกอบรวมด้วยหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรม, โดยที่หมู่ไลซีนที่คูกทำวิศวกรรมคือการแทรกสอดหมู่ไลซีนหรือหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่ไลซีน,b) สารที่ทำหน้าที่ประกอบรวมด้วยซับสเทรตผู้ให้เอซิล, โดยที่ซับสเทรตผู้ให้เอซิลประกอบรวมด้วยหมู่กลูทามีน, และ c) สารที่ทำหน้าที่คือสารบำบัดหรือสารตรวจวินิจฉัย,โดยที่หมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน,ได้ถูกสังยุคกับหมู่กลูทามีนของซับสเทรตผู้ให้เอซิลของสารที่ทำหน้าที่60. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคที่ประกอบรวมด้วยอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, และสารที่ทำหน้าที่, โดยที่ a) อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, ประกอบรวมด้วยหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรม, โดยที่หมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมคือการแทรกสอดหมู่ไลซีนหรือหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่ไลซีน,b) หมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมได้ถูกสังยุคกับหมู่กลูทามีนบนซับสเทรตผู้ให้เอซิล, โดยที่ซับสเทรตผู้ให้เอซิลประกอบรวมต่อไปด้วยหมู่ที่ไวปฏิกิริยา, c) หมู่ที่ไวปฏิกิริยาได้คูกสังยุคกับสารที่ทำหน้าที่, โดยที่สารที่ทำหน้าที่คือสารบำบัดหรือสารตรวจวินิจฉัย61. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 59 หรือข้อถือสิทธิที่ 60, โดยที่หมู่กรดอะมัโนตามธรรมชาติซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่ไลซีนเลือกได้จากกลุ่มที่ประกอบด้วย:หน้า 10 ของจำนวน 17 หน้าธรีโอนีน 135 (T135K), ซีรีน 136 (S136K), ลูซีน 193 (L193K), กรดแอสพาร์ติก 221(D221K), ธรีโอนีน 223 (T223K), ฮิสทิดีน 224 (H224K), ธรีโอนีน 225 (T225K), เมธิโอนีน 252(M252K), แอสพาราจีน 297 (N297K), หรือโพรลีน 445 (P445K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, ลูซีน 201 (L201K) หรือซีรืน 202 (S202K) บนสายโซ่เบาแคปปาของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, หรือกรดกลูทามิก 213 (E213K) บนสายโซ่เบาแลมปึดาของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน62. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 61, โดยที่สายโซ่หนักประกอบรวมต่อไปด้วย หมู่กรดอะมิโนซึ่งได้ถูกเติมลงปลายด้าน C ของมันที่ตำแหน่ง 448, และโดยที่หมู่กรดอะมิโนดังกล่าวไม,เป็นโพรลีนหรือหมู่กรดอะมิโนที่เป็นกรด63. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 62, โดยที่อย่างน้อยหนึ่งหมู่กรดอะมิโนซึ่งได้ถูกเติมลงปลายด้าน C ที่ตำแหน่ง 448 คือลูซีน64. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 59 หรือข้อถือสิทธิที่ 60, โดยที่การแทรกสอด หมู่ไลซีนคือหมู่ไลซีนซึ่งได้ถูกสอดใส่ระหว่างซีรีน 191 และซีรีน 192 หรือระหว่างซีรืน 192 และลูซีน 193 บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน65. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 59 หรือข้อถือสิทธิที่ 60, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน,หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, คือชินส่วนที่จับเกาะ (Fab), และโดยที่หมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่ไลซีนเลือกได้จากกลุ่มที่ประกอบด้วย: กรดแอสพาร์ติก 221 (D221K), ธรีโอนีน 223 (T223K), ฮิสทิดีน 224 (H224K), ธรีโอนีน 225 (T225K), โพรลีน 228(P228K), โพรลีน 230 (P230K), และกรดกลูทามิก 233 (E233K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน66. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 65, โดยที่ Fab ประกอบรวมด้วยบริเวณพับทังหมด 67. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 65, โดยที่ Fab ประกอบรวมด้วยบริเวณทับที่ถูกทำให้สั้นลง68. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 59 หรือข้อถือสิทธิที่ 60, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน,หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, ประกอบรวมต่อไปด้วยหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สอง, โดยหน้า 11 ของจำนวน 17หน้าที่หมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สองคือการแทรกสอดหมู่ไลซีนที่สองหรือหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สองซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่ไลซีน, และโดยที่หมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สองได้ถูกลังยุคกับหมู่กลูทามีนของซับสเทรตผู้ให้เอซัล69. อิมมูโนกลอบูลินลังยุคของข้อถือสิทธิที่ 68, โดยที่หมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติซึ่งถูก กลายพันธุเป็นหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมคือซีรีน 136 (S136K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอบูลิน,หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, และหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สองซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่1ใลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สองคือ1ซีรีน 202 (S202K) บนสายโซ่เบาแคปปาของอิมมูโนกลอบูลิน,หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน70. อิมมูโนกลอบูลินลังยุคของข้อถือสิทธิที่ 68, โดยที่หมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติซึ่งถูก กลายพันธุเป็นหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมคือธรีโอนีน 135 (T135K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, และหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สองซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่ใลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สองคือลูซีน 201 (L201K) บนสายโซ่เบาแคปปาของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน71. อิมมูโนกลอบูลินลังยุคของข้อถือสิทธิที่ 68, โดยที่หมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติซึ่งถูก กลายพันธุเป็นหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมคือธรีโอนีน 135 (T135K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, และหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สองซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สองคือซีรีน 202 (S202K) บนสายโซ่เบาแคปปาของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน72. อิมมูโนกลอบูลินลังยุคของข้อถือสิทธิที่ 70 หรือข้อถือสิทธิที่ 71, โดยที่สายโซ่หนัก ประกอบรวมต่อไปด้วยอย่างน้อยหนึ่งหมู่กรดอะมิโนซึ่งได้ถูกเติมลงปลายด้าน C ของมันที่ตำแหน่ง448, และโดยที่อย่างน้อยหนึ่งหมู่กรดอะมิโนไม่เป็นโพรลีนหรือหมู่กรดอะมิโนที่เป็นกรด73. อิมมูโนกลอบูลินลังยุคของข้อถือสิทธิที่ 72, โดยที่อย่างน้อยหนึ่งหมู่กรดอะมิโนซึ่งได้ถูกเติมลงปลายด้าน C ที่ตำแหน่ง 448 คือลูซีน74. อิมมูโนกลอบูลินลังยุคของข้อถือสิทธิที่ 69, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะ แอนติเจนของมัน, ประกอบรวมต่อไปด้วยหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สาม, โดยที่หมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สามคือการแทรกสอดหมู่ไลซีนที่สามหรือหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สามซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่ไลชีน, และโดยที่หมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สามได้ถูกลังยุคกับหมู่กลูทามีนของซับสเทรตผู้ให้เอซิลหน้า 12 ของจำนวน 17 หน้า75. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 74, โดยที่หมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมคือซีรีน 136 (S136K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอบูลิน,หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, หมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สองซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สองคือแอสพาราจีน 297 (N297K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, และหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สามซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สามคือซีรีน 202 (S202K) บนสายโซ่เบาแคปปาของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน76. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 74, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, ประกอบรวมต่อไปด้วยหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สี่, โดยที่หมู่ไลซีนที่ถูกทำ วิศวกรรมที่สี่คือการแทรกสอดหมู่ไลซีนที่สี่หรือหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สี่ชึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่ไลซีน, และโดยที่หมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สี่ได้คูกสังยุคกับหมู่กลูทามีนของซับสเทรตผู้ให้เอซิล77. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 76, โดยที่หมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมคือซีรีน 136 (S136K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, หมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สองซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สองคือแอสพาราจีน 297 (N297K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอบูลิน,หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, หมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สามซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สามคือซีรีน 202 (S202K) บนสายโซ่เบาแคปปาของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, และหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สี่ซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่ไลซีน ที่ถูกทำวิศวกรรมที่สี่คือโพรลีน 445 (P445K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน78. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 59 หรือข้อถือสิทธิที่ 60, โดยที่หมู่กรดอะมิโนหลังจากหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมไม่เป็นหมู่โพรลีนหรือหมู่กรดอะมิโนที่เป็นกรด79. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 59 หรือข้อถือสิทธิที่ 60, โดยที่หมู่กรดอะมิโน ก่อนหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมไม่เป็นหมู่กรดอะมิโนที่เป็นกรด80. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 59 หรือข้อถือสิทธิที่ 60, โดยที่หมู่กรดอะมิโนก่อนหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมคือการแทรกสอดหมู่กรดอะมิโนที่ไม่เป็นกรด, หรือหน้า 13 ของจำนวน 17 หน้าหมู่กรดอะมิโนที่เป็นกรดตามธรรมชาติซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่กรดอะมิโนที่ไม่เป็นกรด81. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 59 หรือข้อถือสิทธิที่ 60, โดยที่หมู่กรดอะมิโนหลังจากหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมคือการแทรกสอดหมู่กรดอะมิโน, โดยที่การแทรกสอดหมู่กรดอะมิโนคือหมู่กรดอะมิโนที่ไม่ เป็นกรดและการแทรกสอดหมู่ที่ไม่เป็นโพรลีน, หรือหมู่กรดอะมิโนที่เป็นกรดตามธรรมชาติหรือหมู่โพรลีนตามธรรมชาติ, ซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่กรดอะมิโนที่ไม่เป็นกรดและหมู่ที่ไม่เป็นโพรลีน82. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 80, โดยที่หมู่กรดอะมิโนที่ไม,เป็นกรดคือไลซีน,อาร์จินีน, ฮิสทิดีน, ซีรีน, ธรีโอนีน, แอสพาราจีน, กลูทามีน, ซิสเทอีน, ไกลซีน, โพรลีน, อะลานีน, เวสิน, ไอโซลูซีน, ลูซีน, เมธิโอนีน, เฟนิลอะลานีน, ไทโรซีน, หรือทริปโทเฟน83. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 80, โดยที่การแทรกสอดหมู่กรดอะมิโนที่ไม'เป็นกรดคือการแทรกสอดไลซีน, อาร์จินีน, ฮิสทิดีน, ซีรีน, ธรีโอนีน, แอสพาราจีน, กลูทามีน, ซิสเทอีน,ไกลซีน, โพรสิน, อะลานีน, เวสิน, ไอโซถูซีน, ลูซีน, เมธโอนีน, เฟนิลอะลานีน, ไทโรซีน, หรือทริปโทเฟน 84. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 81, โดยที่กรดอะมิโนที่ไม่เป็นกรดและหมู่ที่ไม่เป็นโพรลีนคือไลซีน, อาร์จินีน, ฮิสทิดีน, ซีรีน, ธรีโอนีน, แอสพาราจีน, กลูทามีน, ซิสเทอีน, ไกลซีน,อะลานีน, เวสิน, ไอโซลูชีน, ถูซีน, เมธโอนีน, เฟนิลอะลานีน, ไทโรซีน, หรือทริปโทเฟน85. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 80 หรือข้อถือสิทธิที่ 81, โดยที่หมู่กรดอะมิโนที่เป็นกรดธรรมชาติคือกรดแอสพาร์ติกหรือกรดกลูทามิก 86. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 59 หรือข้อถือสิทธิที่ 60, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน,หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, ประกอบรวมด้วยสายโซ่หนักซึ่งประกอบรวมต่อไปด้วยอย่างน้อยหนึ่งหมู่กรดอะมิโนซึ่งได้ถูกเติมลงปลายด้าน C ของมันที่ตำแหน่ง 448, และโดยที่อย่างน้อยหนึ่งหมู่กรดอะมิโนไม่เป็นโพรสืนหรือหมู่กรดอะมิโนที่เป็นกรด87. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 86, โดยที่หมู่กรดอะมิโนซึ่งได้ถูกเติมลงปลาย ด้าน C ที่ตำแหน่ง 448 คือลูซีน88. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 59 หรือข้อถือสิทธิที่ 60, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน,หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, ประกอบรวมด้วยสายโซ่เบาซึ่งประกอบรวมด้วยการแทรกสอดของหนึ่งถึงสี่กรดอะมัโนเพิ่มเติมหลังจาก'ซิสเทอีน 214, โดยที่การแทรกสอดหมู่ไลซีนคือหมู่ไลซีนหน้า 14 ของจำนวน 17 หน้าซึ่งได้ถูกสอดใส่หลังจากหนึ่งถึงสี่กรดอะมิโนเพิ่มเติม, และโดยที่หมู่ลูซีนได้ถูกแทรกสอดหลังจากหมู่ไลซีน89. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 88, โดยที่การแทรกสอดของหนึ่งถึงสี่กรดอะมิโนเพิ่มเติมหลังจากซิสเทอีน 214, หมู่ไลซีนซึ่งได้ถูกสอดใส่หลังจากหนึ่งถึงสี่กรดอะมิโน เพิ่มเติม, และหมู่ลูซีนซึ่งได้ถูกสอดใส่หลังจากหมู่ไสซีนประกอบรวมด้วยลำดับที่เลือกได้จากกลุ่มที่ประกอบด้วย: GKL, GGKL, GGSKL, และ GGSGKL90. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 59, โดยที่สารที่ทำหน้าที่ที่ประกอบรวมด้วยซับสเทรตผู้ให้เอซิลเป็นไปตามหนึ่งสูตร (I) หรือ (II):(Z)m-Gln-(L)n-(Y) (I)(Y)-(L)n-Gln-(Z)m (II) โดยที่Z คือหมู่คาร์บอกซิลเบนซิลออกซี (CBZ) หรือหมู่กรดอะมิโน;Gin คือหมู่กรดอะมิโนกลูทามีน;แต่ละ L โดยเป็นอิสระคือตัวเชื่อมแนวตรงหรือเป็นกิ่งจาก 1 ถึง 20 คาร์บอนอะตอม, โดยที่หนึ่งคาร์บอนอะตอมหรือมากกว่าอาจเลือกให้และโดยเป็นอิสระถูกแทนที่ด้วยไนโตรเจน, ออกซิเจน หรือซัลเฟอร์อะตอม, และโดยที่แต่ละคาร์บอนและไนโตรเจนอะตอมอาจเลือกให้ถูกแทนที่; หรือแต่ละ L อาจเลือกให้และโดยเป็นอิสระเป็นหมู่กรดอะมิโน;m คือจำนวนเต็มจาก 0 ถึง 5;ท คือจำนวนเต็มจาก 0 ถึง 5; และY คือสารที่ทำหน้าที่ 91. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 90, โดยที่สารที่ทำหน้าที่ที่ประกอบรวมด้วยซับสเทรตผู้ให้เอซิลเป็นไปตามสูตร (I), และโดยที่ Z คือหมู่ CBZ; โดยที่แต่ละ L โดยเป็นอิสระคือส่วนพอลิเอธิลีนไกลคอล (PEG) (-0((CH2)2)-), เอธิลเอมีน (-NH((CH2)2)-) หรือโพรพิลเอมีน(-NH((CH2)3)-); และโดยที่ ท คือ 0, 1, 2, 3, 4 หรือ 592. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 90, โดยที่สารที่ทำหน้าที่ที่ประกอบรวมด้วย ซับสเทรตผู้'ให้เอ1ชิลเป็นไปตามสูตร (I), โดยที่ Z คือหมู่ CBZ, และ L คือกรดอะมิโน93. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 92, โดยที่ L คือ Gly; m คือ 1; และ 11 คือ 094. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 92, โดยที่ L คือ Gly; m คือ 1; และ ท คือ 1หน้า 15 ของจำนวน 17 หน้า95. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 90, โดยที่สารที่ทำหน้าที่ที่ประกอบรวมด้วยซับสเทรตผู้ให้เอซิลเป็นไปตามสูตร (II), โดยที่ Z คือหมู่ CBZ; m คือ 1; ท คือ 1, 2 หรือ 3; และอย่างน้อยหนึ่ง L คือ Gly96. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 90, โดยที่สารที่ทำหน้าที่ Y คือออริสเททิน F 97. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 60, โดยที่ซับสเทรตผู้ให้เอซิลเป็นไปตามหนึ่งสูตร (III) หรือ (IV):(Z),?-Gln-(L)?-(X) (III)(X)-(L)n-Gln-(Z)m (IV) z คือหมู่คาร์บอกซิลเบนซิลออกซี (CBZ) หรือหมู่กรดอะมิโน;Gin คือหมู่กรดอะมิโนกลูทามีน;แต่ละ L โดยเป็นอิสระคือตัวเชื่อมแนวตรงหรือเป็นกิ่งจาก 1 ถึง 20 คาร์บอนอะตอม, โดยที่หนึ่งคาร์บอนอะตอมหรือมากกว่าอาจเลือกให้และโดยเป็นอิสระถูกแทนที่ด้วยไนโตรเจน, ออกซิเจนหรือซัลเฟอร์อะตอม, และโดยที่แต่ละคาร์บอนและไนโตรเจนอะตอมอาจเลือกให้ถูกแทนที่; หรือ แต่ละ L อาจเลือกให้และโดยเป็นอิสระเป็นหมู่กรดอะมิโน;m คือจำนวนเต็มจาก 0 ถึง 5;ท คือจำนวนเต็มจาก 0 ถึง 5; และX คือหมู่ที่ไวปฏิกิริยา98. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 97, โดยที่ซับสเทรตผู้ให้เอซิลเปีนไปตามสูตร (III), และโดยที่ Z คือหมู่ CBZ; โดยที่แต่ละ L โดยเป็นอิสระคือส่วนพอณิอธิลีนไกลคอล (PEG)(-0((CH2)2)-), เอธิลเอมีน (-NH((CH,)2)-) หรือโพรพิลเอมีน (-NH((CH2)3)-); และโดยที่ ท คือ 0, 1, 2,3, 4, หรือ 599. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 97, โดยที่ซับสเทรตผู้ให้เอซิลเป็นไปตามสูตร(III), โดยที่ Z คือหมู่ CBZ, และโดยที่หนึ่ง L หรือมากกว่าคือกรดอะมิโน 100. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 99, โดยที่ L คือ Gly; m คือ 1; และ ท คือ 1101. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 99, โดยที่ m คือ 1; และ ท คือ 0หน้า 16 ของจำนวน 17 หน้า102. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 97, โดยที่ซับสเทรตผู้ให้เอซิลเป็นไปตามสูตร(IV), โดยที่ Z คือหมู่ CBZ; 1ฑ คือ 1; ท คือ 1, 2 หรือ 3; และอย่างน้อยหนึ่ง L คือ Gly103. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 97, โดยที่ X คือหมู่ที่ไวปฏิกิริยาที่เลือกได้จากกลุ่มที่ประกอบด้วย (1แ,8ร,9ร)-ไบไซโคล[6.1.0] นอน-4-อิน-9-อิลเมธานอล (BCN),5 [Chem.6](ไดเบนโซไซโคลออคไทน์; DBCO), ทรานส์-ไซโคลออคทีน(TCO), อะซัโด (N3), อัลไคน์, เททระซีนเมธิลไซโคลโพรพีน, นอร์บอร์นีน, ไฮดราไซด์/ไฮดราซีน,และอัลดีไฮด์104. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 59 หรือข้อถือสิทธิที่ 60, โดยที่สารบำบัดคือ แอนติบอดีหรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, สารเคมีบำบัด, สารที่เป็นยา, สารก้มมันตภาพรังสี,สารที่เป็นพิษต่อเซลล์, สารปฏิชีวนะ, โมเลกุลขนาดเล็ก, กรดนิวคลีอิก, หรือพอณิพพไทด้105. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 59 หรือข้อถือสิทธิที่ 60, โดยที่สารตรวจวินิจฉัยคือฟลูออโรฟอร์, สีฟลูออเรสเซนต์, เรติโอนิวไคลด้, หรือเอนไซม์106. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 59 หรือข้อถือสิทธิที่ 60, โดยที่ อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, คือ IgG, อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน107. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 59 หรือข้อถือสิทธิที่ 60, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, คือ IgGj, IgGj, หรือ IgG4 อิมมูโนกลอบูลิน,หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน 108. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 59 หรือข้อถือสิทธิที่ 60, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, คือ IgA, IgA2, หรือ IgM อิมมูโนกลอบูลิน,หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน109. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 59 หรือข้อถือสิทธิที่ 60, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, คือ IgD หรือ IgE, อิมมูโนกลอบูลิน, หรือ ส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมันหน้า 17 ของจำนวน 17 หน้า110. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 59 หรือข้อถือสิทธิที่ 60, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, คือชิ้นส่วนที่จับเกาะ (Fab)111. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิที่ 59-110, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, คืออิมมูโนกลอบูลินของมนุษย์, หรือส่วนที่ จับเกาะแอนติเจนของมัน, หรือฮิวแมไนซ์อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน112. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิที่59-110,โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, คือไคมีริกอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, หรืออิมมูโนกลอบูลินที่ไม่เป็นของมนุษย์, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน 113. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิที่ 59-110, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, ประกอบรวมด้วยสองสายโซ่หนักและสองสายโซ่เบา114. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อใดๆของข้อถือสิทธิที่ 59-110, โดยที่อัตราส่วนของสารที่ทำหน้าที่ต่ออิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, คือ 1:1 ถึง 100:1 หรือ 1:1 ถึง 200:1115. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 58หรือข้อถือสิทธิที่ 59,โดยที่สารที่ทำหน้าที่คือแอนติบอดี, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, และโดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, และสารที่ทำหน้าที่จับเกาะแอนติเจนเดียวกันหรือจับเกาะแอนติเจนที่แตกต่างกัน116. องค์ประกอบทางเภสัชกรรมที่ประกอบรวมด้วยอิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อใดข้อ หนึ่งของข้อถือสิทธิที่ 59-115, และตัวพาที่ยอมรับได้ทางเภสัชกรรม117. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคที่ผลิตโดยวิธีของข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิที่ 1-58
------------
                                                หน้า 1 ของจำนวน 17 หน้า


ข้อถือสิทธิ
        1. วิธีเพื่อการสร้างอิมมูโนกลอบูลินสังยุค, วิธีที่ประกอบรวมด้วย:
การสัมผัสอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, กับทรานสกลูทามิเนสของ
จุลินทรีย์และสารที่ทำหน้าที่ที่ประกอบรวมด้วยซับสเทรตผู้ให้เอซิล,
a) โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, ประกอบรวมด้วย
         หมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรม, โดยที่หมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมคือการแทรกสอด
         หมู่ไลซีนหรือหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติซึ่งถูกกลายพันธุ์เป็นหมู่ไลซีน,
         b) โดยที่ซับสเทรตผู้ให้เอซิลประกอบรวมด้วยหมู่กลูทามีน, และ
         c) โดยที่สารที่ทำหน้าที่คือสารบำบัดหรือสารตรวจวินิจฉัย,
      โดยที่ทรานสกลูทามิเนสของจุลินทรีย์สังยุคหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมของอิมมูโนกลอบูลิน,
หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, กับหมู่กลูทามีนของซับสเทรตผู้ให้เอซิลบนสารที่ทำหน้าที่, ด้วย
วิธีนั้นที่สร้างอิมมูโนกลอบูลินสังยุค
       2. วิธีเพื่อการสร้างอิมมูโนกลอบูลินสังยุค, วิธีที่ประกอบรวมด้วย:
i) การสัมผัสอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, กับทรานสกลูทามิเนสของ
จุลินทรีย์และซับสเทรตผู้ให้เอซิล,
             a) โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, ประกอบรวมด้วย
             หมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรม, โดยที่หมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมคือการแทรกสอด
             หมู่ไลซีนหรือหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติซึ่งถูกกลายพันธุ์เป็นหมู่ไลชีน, และ
            b) โดยที่ซับสเทรตผู้ให้เอซิลประกอบรวมด้วยหมู่กลูทามีนและหมู่ที่ไวปฏิกิริยา,
       โดยที่ทรานสกลูทามิเนสของจุลินทรีย์สังยุคหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมของอิมมูโนกลอบูลิน,
หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, กับหมู่กลูทามีนของซับสเทรตผู้ให้เอซิล, และ
ii) การสังยุคสารที่ทำหน้าที่กับหมู่ที่ไวปฏิกิริยาของซับสเทรตผู้ให้เอซิล, โดยที่สารที่ทำหน้าที่คือ
สารบำบัดหรือสารตรวจวินิจฉัย, ด้วยวิธีนั้นที่สร้างอิมมูโนกลอบูลินสังยุค
       3. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่หมู่ที่ไวปฏิกิริยาของซับสเทรตผู้ให้เอซิลได้ถูกสังยุคกับ
สารที่ทำหน้าที่โดยคลิกเคมี
       4. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่หมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติซึ่งถูก
กลายพันธุ์เป็นหมู่ไลซีนเลือกได้จากกลุ่มที่ประกอบด้วย:

หน้า 2 ของจำนวน 17 หน้า
ธรีโอนีน 135 (T135K), ซีรีน 136 (S136K), ลูซีน 193 (L193K), กรดแอสพาร์ติก 221
(D221K), ธรีโอนีน 223 (T223K), ฮิสทิดีน 224 (H224K), ธรีโอนีน 225 (T225K), เมธิโอนีน 252
(M252K), แอสพาราจีน 297 (N297K), หรือโพรลีน 445 (P445K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอ
บูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน,
ลูซีน 201 (L201K) หรือ1ซีรีน 202 (S202K) บนสายโซ่เบาแคปปาของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือ
ส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, หรือ
กรดกลูทามิก 213 (E213K) บนสายโซ่เบาแลมป์ดาของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะ
แอนติเจนของมัน
5. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 4, โดยที่สายโซ่หนักประกอบรวมต่อไปด้วยหมู่กรดอะมิโนซึ่ง
ได้ถูกเติมลงปลายด้าน C ของมันที่ตำแหน่ง 448, และโดยที่หมู่กรดอะมิโนดังกล่าวไม'เป็นโพรลีน
หรือหมู่กรดอะมิโนที่เป็นกรด
6. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 5, โดยที่หมู่กรดอะมิโนซึ่งได้ถูกเติมลงปลายด้าน C ที่ตำแหน่ง
448 คือลูซีน
7. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่การแทรกสอดหมู่ไลซีนคือหมู่
ไลซีนซึ่งได้ถูกสอดใส่ระหว่างซีรีน 191 และซีรีน 192 หรือระหว่างซีรีน 192 และลูซีน 193 บนสาย
โซ่หนักของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน
8. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับ
เกาะแอนติเจนของมัน, คือชิ้นส่วนที่จับเกาะ (Fab), และโดยที่หมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติซึ่งถูก
กลายพันธุเป็นหมู่ไลซีนเลือกได้จากกลุ่มที่ประกอบด้วย: กรดแอสพาร์ติก 221 (D221K), ธรีโอนีน
223 (T223K), ฮิสทิตีน 224 (H224K), ธรีโอนีน 225 (T225K), โพรลีน 228 (P228K), โพรลีน 230
(P230K), และกรดกลูทามิก 233 (E233K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะ
แอนติเจนของมัน
9. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 8, โดยที่ Fab ประกอบรวมด้วยบริเวณพับทังหมด
10. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 8, โดยที่ Fab ประกอบรวมด้วยบริเวณพับที่ถูกทำให้สันลง
11. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับ
เกาะแอนติเจนของมัน, ประกอบรวมต่อไปด้วยหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สอง, โดยที่หมู่ไลซีนที่
ถูกทำวิศวกรรมที่สองคือการแทรกสอดหมู่ไลซีนที่สองหรือหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สองซึ่ง
ถูกกลายพันธุ์เป็นหมู่ไลซีนที่สอง,และโดยที่ทรานสกลูทามิเนสของจุลินทรีย์สังยุคหมู่ไลซีนที่ถูกทำ

หน้า3ของจำนวน17หน้า
วิศวกรรมที่สองของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, กับหมู่กลูทามีนของ
ซับสเทรตผู้ให้เอซิล
12. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 11, โดยที่หมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่
ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมคือซีรีน 136 (S136K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับ
เกาะแอนติเจนของมัน, และหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สองซึ่งถูกกลายพันธุเป็นหมู่ไลซีนที่ถูก
ทำวิศวกรรมที่สองคือซีรีน 202 (S202K) บนสายโซ่เบาแคปปาของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับ
เกาะแอนติเจนของมัน
13. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 11,โดยที่หมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติซึ่งถูกกลายพันธุ์เป็น
หมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมคือธรีโอนีน 135 (T135K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วน
ที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, และหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สองซึ่งถูกกลายพันธุ์เป็นหมู่ไลซีนที่
ถูกทำวิศวกรรมที่สองคือลูซีน 201 (L201K) บนสายโซ่เบาแคปปาของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่
จับเกาะแอนติเจนของมัน
14. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 11, โดยที่หมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติซึ่งถูกกลายพันธุ์เป็น
หมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมคือธรีโอนีน 135 (T135K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วน
ที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, และหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สองซึ่งถูกกลายพันธุ์เป็นหมู่ไลซีนที่
ถูกทำวิศวกรรมที่สองคือซีรีน 202 (S202K) บนสายโซ่เบาแคปปาของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่
จับเกาะแอนติเจนของมัน
15. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 13 หรือข้อถือสิทธิที่ 14, โดยที่สายโซ่หนักประกอบรวมต่อไป
ด้วยหมู่กรดอะมิโนซึ่งได้ถูกเติมลงปลายด้าน C ของมันที่ตำแหน่ง 448, และโดยที่หมู่กรดอะมิโน
ดังกล่าวไม่เป็นโพรลีนหรือหมู่กรดอะมิโนที่เป็นกรด
16. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 15, โดยที่หมู่กรดอะมิโนซึ่งได้ถูกเติมลงปลายด้าน C ที่ตำแหน่ง
448 คือลูซีน
17. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 11, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของ
มัน, ประกอบรวมต่อไปด้วยหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สาม, โดยที่หมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่
สามคือการแทรกสอดหมู่ไลซีนที่สามหรือหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สามซึ่งถูกกลายพันธุ์เป็น
หมู่ไลซีนที่สาม, และโดยที่ทรานสกลูทามิเนสของจุลินทรีย์สังยุคหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สาม
ของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, กับหมู่กลูทามีนของซับสเทรตผู้ให้เอซิล

หน้า 4 ของจำนวน 17 หน้า
18. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 17, โดยที่หมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติซึ่งถูกกลายพันธุเป็น
หมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมถือซีรีน 136 (S136K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่
จับเกาะแอนติเจนของมัน, หมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สองซึ่งถูกกลายพันธุ์เป็นหมู่ไลซีนที่ถูกทำ
วิศวกรรมที่สองคือแอสพาราจีน 297 (N297K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับ
เกาะแอนติเจนของมัน, และหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สามซึ่งถูกกลายพันธุ์เป็นหมู่ไลซีนที่ถูก
ทำวิศวกรรมที่สามคือซีรีน 202 (S202K) บนสายโซ่เบาแคปปาของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับ
เกาะแอนติเจนของมัน.
19. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 17, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของ
มัน, ประกอบรวมต่อไปด้วยหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สี่, โดยที่หมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สี่คือ
การแทรกสอดหมู่ไลซีนที่สี่หรือหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สี่ซึ่งถูกกลายพันธุ์เป็นหมู่ไลซีน, และ
โดยที่ทรานสกลูทามิเนสของจุลินทรีย์สังยุคหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สี่ของอิมมูโนกลอบูลิน,
หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, กับหมู่กลูทามีนของซับสเทรตผู้ให้เอซิล
20. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 19, โดยที่หมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติซึ่งถูกกลายพันธุ์เป็น
หมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมคือซีรีน 136 (S136K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่
จับเกาะแอนติเจนของมัน, หมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สองซึ่งถูกกลายพันธุ์เป็นหมู่ไลซีนที่ถูก
ทำวิศวกรรมที่สองคือแอสพาราจีน 297 (N297K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่
จับเกาะแอนติเจนของมัน, หมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สามซึ่งถูกกลายพันธุ์เป็นหมู่ไลซีนที่ถูก
ทำวิศวกรรมที่สามคือซีรีน 202 (S202K) บนสายโซ่เบาแคปปาของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับ
เกาะแอนติเจนของมัน, และหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สี่ซึ่งถูกกลายพันธุ์เป็นหมู่ไลซีนที่ถูก
ทำวิศวกรรมที่สี่คือโพรลีน 445 (P445K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะ
แอนติเจนของมัน
21. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่หมู่กรดอะมิโนหลังจากหมู่ไลซีนที่
ถูกทำวิศวกรรมไม่เป็นโพรลีนหรือหมู่กรดอะมิโนที่เป็นกรด
22. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่หมู่กรดอะมิโนก่อนหมู่ไลซีนที่ถูก
ทำวิศวกรรมไม่เป็นหมู่กรดอะมิโนที่เป็นกรด
23. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่หมู่กรดอะมิโนก่อนหมู่ไลซีนที่ถูก
ทำวิศวกรรมคือ

หน้า 5 ของจำนวน 17 หน้า
การแทรกสอดหมู่กรดอะมิโนที่ไม่เป็นกรด, หรือ
หมู่กรดอะมิโนที่เป็นกรดตามธรรมชาติซึ่งถูกกลายพันธุ์เป็นหมู่กรดอะมิโนที่ไม่เป็นกรด
24. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่หมู่กรดอะมิโนหลังจากหมู่ไลซีนที่
ถูกทำวิศวกรรมคือ
การแทรกสอดหมู่กรดอะมิโน, โดยที่การแทรกสอดหมู่กรดอะมิโนคือการแทรกสอดหมู่
กรดอะมิโนที่ไม่เป็นกรดและการแทรกสอดหมู่ที่ไม่เป็นโพรลีน, หรือ
หมู่กรดอะมิโนที่เป็นกรดตามธรรมชาติหรือหมู่โพรลีนตามธรรมชาติ,ซึ่งถูกกลายพันธุ์เป็น
หมู่กรดอะมิโนที่ไม่เป็นกรดและหมู่ที่ไม่เป็นโพรลีน
25. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 23, โดยที่หมู่กรดอะมิโนที่ไม่เป็นกรดคือไลซีน, อาร์จินีน,
ฮิสทิดีน, ซีรีน, ธรีโอนีน, แอสพาราจีน, กลูทามีน, ซิสเทอีน, ไกลซีน, โพรลีน, อะลานีน, เวสิน,
ไอโซลูซีน, ลูซีน, เมธโอนีน, เฟนิลอะลานีน, ไทโรซีน, หรือทริปโทเฟน
26. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 23 หรือข้อถือสิทธิที่ 24, โดยที่การแทรกสอดหมู่กรดอะมิโนที่
ไม่เป็นกรดคือการแทรกสอดไลซีน, อาร์จินีน, ฮิสทิดีน, ซีรีน, ธรีโอนีน, แอสพาราจีน, กลูทามีน,
ชิสเทอีน, ไกลซีน, โพรสิน, อะลานีน, เวสิน, ไอโซลูซีน, ลูซีน, เมธโอนีน, เฟนิลอะลานีน, ไทโรซีน,
หรือทริปโทเฟน
27. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 24, โดยที่กรดอะมิโนที่ไม่เป็นกรดและหมู่ที่ไม่เป็นโพรสิน
คือไลซีน, อาร์จินีน, ฮิสทิดีน, ซีรีน, ธรีโอนีน, แอสพาราจีน, กลูทามีน, ชิสเทอีน, ไกลซีน, อะลานีน,
เวสิน, ไอโซลูซีน, ลูซีน, เมธโอนีน, เฟนิลอะลานีน, ไทโรซีน, หรือทริปโทเฟน
28. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 23 หรือข้อถือสิทธิที่ 24, โดยที่หมู่กรดอะมิโนที่เป็นกรด
ธรรมชาติคือกรดแอสพาร์ติกหรือกรดกลูทามิก
29. วิธีของข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือ 2, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่
จับเกาะแอนติเจนของมัน, ประกอบรวมด้วยสาย โซ่หนักซึ่งประกอบรวมต่อไปด้วยอย่างน้อยหนึ่ง
หมู่กรดอะมิโนซึ่งได้ถูกเติมลงปลายด้าน C ของมันที่ตำแหน่ง 448, และโดยที่อย่างน้อยหนึ่งหมู่
กรดอะมิโนดังกล่าวไม่เป็นโพรลีนหรือหมู่กรดอะมิโนที่เป็นกรด
30. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 29, โดยที่อย่างน้อยหนึ่งหมู่กรดอะมิโนซึ่งได้ถูกเติมลงปลาย
ด้าน C ที่ตำแหน่ง 448 คือลูซีน
31. วิธีของข้อถือสิทธิหนึ่งหรือข้อถือสิทธิที่ 1 หรือข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน,
หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, ประกอบรวมด้วยสายโซ่เบาซึ่งประกอบรวมด้วยการแทรกสอด


หน้า 6 ของจำนวน 17 หน้า

ของหนึ่งถึงสี่กรดอะมิโนเพิ่มเติมหลังจากซิสเทอีน 214, โดยที่การแทรกสอดหมู่ไลซีนคือหมู่ไลซีนซึ่ง
ได้ถูกสอดใส่หลังจากหนึ่งถึงสี่กรดอะมิโนเพิ่มเติม, และโดยที่หมู่ลูซีนได้ถูกแทรกสอดหลังจากหมู่
ไลซีน
32. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 31, โดยที่การแทรกสอดของหนึ่งถึงสี่กรดอะมิโนเพิ่มเติม
หลังจากซิสเทอีน 214, หมู่ไลซีนซึ่งได้ถูกสอดใส่หลังจากหนึ่งถึงสี่กรดอะมิโนเพิ่มเติม, และหมู่
ลูซีนซึ่งได้ถูกสอดใส่หลังจากหมู่ไลซีน ประกอบรวมด้วยลำดับที่เลือกได้จากกลุ่มที่ประกอบด้วย:
GKL, GGKL, GGSKL, และ GGSGKL
33. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 1, โดยที่สารที่ทำหน้าที่ที่ประกอบรวมด้วยซับสเทรตผู้ให้เอซิล
เป็นไปตามหนึ่งสูตร (I) หรือ (II):
(Z)m-Gln-(L)n-(Y) (I)
(Y)-(L)n-Gln-(Z)m (II)
โดยที่
Z คือหมู่คาร์บอกซิลเบนซิลออกซี (CBZ) หรือหมู่กรดอะมิโน;
Gin คือหมู่กรดอะมิโนกลูทามีน;
แต่ละ L โดยเป็นอิสระคือตัวเชื่อมแนวตรงหรือเป็นกิ่งจาก 1 ถึง 20 คาร์บอนอะตอม, โดยที่
หนึ่งคาร์บอนอะตอมหรือมากกว่าอาจเลือกให้และโดยเป็นอิสระถูกแทนที่ด้วยไนโตรเจน, ออกซิเจน
หรือซัลเฟอร์อะตอม, และโดยที่แต่ละคาร์บอนและไนโตรเจนอะตอมอาจเลือกให้ถูกแทนที่; หรือ
แต่ละ L อาจเลือกให้และโดยเป็นอิสระเป็นหมู่กรดอะมิโน;
m คือจำนวนเต็มจาก 0 ถึง 5;
n คือจำนวนเต็มจาก 0 ถึง 5; และ
Y คือสารที่ทำหน้าที่.
34. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 33, โดยที่สารที่ทำหน้าที่ที่ประกอบรวมด้วยซับสเทรตผู้ให้เอซิล
เป็นไปตามสูตร (I), และโดยที่ Z คือหมู่ CBZ; โดยที่แต่ละ L โดยเป็นอิสระคือส่วนพอลิเอธิลีนไกล
คอล (PEG) (-O((CH2)2)-), เอธิลเอมีน (-NH((CH2)2)-) หรือโพรพิลเอมีน (-NH((CH2)3)-); และโดยที่ n
คือ0,1,2,3,4หรือ5
35. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 33, โดยที่สารที่ทำหน้าที่ที่ประกอบรวมด้วยซับสเทรตผู้ให้เอซิล
เป็นไปตามสูตร (I), โดยที่ Z คือหมู่ CBZ, และ L คือกรดอะมิโน
36. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 35, โดยที่ L คือ Gly; m คือ 1; และ n คือ 0


หน้า 7 ของจำนวน 17 หน้า
37. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 35, โดยที่ L คือ Gly; m คือ 1; และ n คือ 1
38. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 33, โดยที่สารที่ทำหน้าที่ที่ประกอบรวมด้วยซับสเทรตผู้ให้เอซิล
เป็นไปตามสูตร (II), โดยที่ Z คือหมู่ CBZ; m คือ 1; n คือ 1, 2 หรือ 3; และอย่างน้อยหนึ่ง L คือ Gly
39. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 33, โดยที่สารที่ทำหน้าที่ Y คือออริสเททิน F
40. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่ซับสเทรตผู้ให้เอซิลเป็นไปตามหนึ่งสูตร (III) หรือ
(IV):
(Z)m-Gln-(L)n-(X) (III)
(X)-(L)n-Gln-(Z)m (IV)
โดยที่
Z คือหมู่คาร์บอกซิลเบนซิลออกซี (CBZ) หรือหมู่กรดอะมิโน;
Gin คือหมู่กรดอะมิโนกลูทามีน;
แต่ละ L โดยเป็นอิสระคือตัวเชื่อมแนวตรงหรือเป็นกิ่งจาก 1 ถึง 20 คาร์บอนอะตอม, โดยที่
หนึ่งคาร์บอนอะตอมหรือมากกว่าอาจเลือกให้และโดยเป็นอิสระถูกแทนที่ด้วยไนโตรเจน, ออกซิเจน
หรือซัลเฟอร์อะตอม, และโดยที่แต่ละคาร์บอนและไนโตรเจนอะตอมอาจเลือกให้ถูกแทนที่; หรือ
แต่ละ L อาจเลือกให้และโดยเป็นอิสระเป็นหมู่กรดอะมิโน;
m คือจำนวนเต็มจาก 0 ถึง 5;
n คือจำนวนเต็มจาก 0 ถึง 5; และ
Xคือหมู่ที่ไวปฏิกิริยา
41. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 40, โดยที่ซับสเทรตผู้ให้เอซิลเป็นไปตามสูตร (III), และโดยที่ Z
คือหมู่ CBZ; โดยที่แต่ละ L โดยเป็นอิสระคือส่วนพอลิเอธิลีนไกลคอล (PEG) (-O((CH2)2)-), เอธิล
เอมีน (-NH((CH2)2)-) หรือโพรพิลเอมีน (-NH((CH2)3)-); และโดยที่ n คือ 0, 1, 2, 3,4, หรือ 5
42. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 40, โดยที่ซับสเทรตผู้ให้เอซิลเป็นไปตามสูตร (III), โดยที่ Z คือ
หมู่ CBZ, และโดยที่หนึ่ง L หรือมากกว่าคือกรดอะมิโน
43. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 42, โดยที่ L คือ Gly; m คือ 1; และ n คือ 1
44. วิธีของข้อถือสิทธิที่42,โดยที่ m คือ1;และnคือ0.
45. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 40, โดยที่ซับสเทรตผู้ให้เอซิลเป็นไปตามสูตร (IV), โดยที่ Z คือ
หมู่ CBZ; m คือ 1; n คือ 1, 2 หรือ 3; และอย่างน้อยหนึ่ง L คือ Gly

หน้า 8 ของจำนวน 17 หน้า
46. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 40, โดยที่ X คือหมู่ที่ไวปฏิกิริยาที่เลือกได้จากกลุ่มที่
ประกอบด้วย (1R,8S,9s)-ไบไซโคล[6.1.0]นอน-4-อิน-9-อิลเมธานอล (BCN),

           สูตรเคมี

(ไดเบนโซไซโคลออคไทน์; DBCO), ทรานส์-ไซโคลออคทีน (TCO),
อะซิโด (N3), อัลไคน์, เททระซีนเมธิลไซโคลโพรพีน, นอร์บอร์นีน, ไฮดราไซด์/ไฮดราซีน, และ
 อัลดีไฮด์
47. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่สารบำบัดคือแอนติบอดีหรือส่วนที่
จับเกาะแอนติเจนของมัน, สารเคมีบำบัด, สารที่เป็นยา, สารก้มมันตภาพรังสี, สารที่เป็นพิษต่อเซลล์,
สารปฏิชีวนะ, โมเลกุลขนาดเล็ก, กรดนิวคลีอิก, หรือพอลิเพพไทด์
48. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่สารตรวจวินิจฉัยคือฟลูออโรฟอร์,
สีฟลูออเรสเซนด์, นิวไคลด์กัมมันตรังสี, หรือเอนไซม์
49. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่ทรานสกลูทามิเนสของจุลินทรีย์คือ
Streptomyces mobaraensis ทรานสกลูทามิเนสของจุลนทรีย์
50. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับ
เกาะแอนติเจนของมัน, คือ IgG1 อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน
51. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับ
เกาะแอนติเจนของมัน, คือ IgG2, IgG3, หรือ IgG4 อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจน
ของมัน
52. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับ
เกาะแอนติเจนของมัน, คือ IgA1 IgA 2, หรือ IgM อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจน
 ของมัน
53. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับ
เกาะแอนติเจนของมัน, คือ IgD หรือ IgE, อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน
54. วิธีของข้อถือสิทธิที่ 1 หรือข้อถือสิทธิที่ 2, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับ
เกาะแอนติเจนของมัน, คือชิ้นส่วนที่จับเกาะ (Fab)

หน้า 9 ของจำนวน 17 หน้า
55. วิธีของข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิก่อนหน้า, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่
จับเกาะแอนติเจนของมัน, คืออิมมูโนกลอบูลินของมนุษย์, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, หรือ
ฮิวแมไนซ์อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน
56. วิธีของข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิก่อนหน้า, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่
จับเกาะแอนติเจนของมัน, คือไคมีริกอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน,
หรืออิมมูโนกลอบูลินที่ไม่เป็นของมนุษย์, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน
57. วิธีของข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิก่อนหน้า, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่
จับเกาะแอนติเจนของมัน, ประกอบรวมด้วยสองสายโซ่หนักและสองสายโซ่เบา
58. วิธีของข้อใดๆของข้อถือสิทธิก่อนหน้า, โดยที่อัตราส่วนของสารที่ทำหน้าที่ต่อ
อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, คือ 1:1 ถึง 100:1 หรือ 1:1 ถึง 200:1
59. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคที่ประกอบรวมด้วยอิมมูโนกลอบูลินหรือส่วนที่จับเกาะ
แอนติเจนของมัน, และสารที่ทำหน้าที่, โดยที่
a) อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, ประกอบรวมด้วยหมู่ไลซีนที่ถูก
ทำวิศวกรรม,โดยที่หมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมคือการแทรกสอดหมู่ไลซีนหรือหมู่กรดอะมิโนตาม
ธรรมชาติซึ่งถูกกลายพันธุ์เป็นหมู่ไลซีน,
b) สารที่ทำหน้าที่ประกอบรวมด้วยซับสเทรตผู้ให้เอซิล, โดยที่ซับสเทรตผู้ให้เอซิลประกอบ
รวมด้วยหมู่กลูทามีน, และ
c) สารที่ทำหน้าที่คือสารบำบัดหรือสารตรวจวินิจฉัย,
โดยที่หมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, ได้
ถูกสังยุคกับหมู่กลูทามีนของซับสเทรตผู้ให้เอซิลของสารที่ทำหน้าที่
60. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคที่ประกอบรวมด้วยอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะ
แอนติเจนของมัน, และสารที่ทำหน้าที่, โดยที่
a) อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, ประกอบรวมด้วยหมู่ไลซีนที่ถูก
ทำวิศวกรรม, โดยที่หมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมคือการแทรกสอดหมู่ไลซีนหรือหมู่กรดอะมิโนตาม
ธรรมชาติซึ่งถูกกลายพันธุ์เป็นหมู่ไลซีน,
b) หมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมได้ถูกสังยุคอับหมู่กลูทามีนบนซับสเทรตผู้ให้เอซิล, โดยที่
ซับสเทรตผู้ให้เอซิลประกอบรวมต่อไปด้วยหมู่ที่ไวปฏิกิริยา,

หน้า10ของจำนวน 17หน้า
c) หมู่ที่ไวปฏิกิริยาได้ถูกสังยุคกับสารที่ทำหน้าที่, โดยที่สารที่ทำหน้าที่คือสารบำบัดหรือ
สารตรวจวินิจฉัย
61. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 59 หรือข้อถือสิทธิที่ 60, โดยที่หมู่กรด
อะมิโนตามธรรมชาติซึ่งถูกกลายพันธุ์เป็นหมู่ไลซีนเลือกได้จากกลุ่มที่ประกอบด้วย:
ธรีโอนีน 135 (T135K), ซีรีน 136 (S136K), ลูซีน 193 (L193K), กรดแอสพาร์ติก 221
(D221K), ธรีโอนีน 223 (T223K), ฮิสทิดีน 224 (H224K), ธรีโอนีน 225 (T225K), เมธิโอนีน 252
(M252K), แอสพาราจีน 297 (N297K), หรือโพรลีน 445 (P445K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอ
บูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน,
ลูซีน 201 (L201K) หรือซีรีน 202 (S202K) บนสายโซ่เบาแคปปาของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือ
ส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, หรือ
กรดกลูทามิก 213 (E213K) บนสายโซ่เบาแลมป์ดาของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะ
แอนติเจนของมัน
62. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 61, โดยที่สายโซ่หนักประกอบรวมต่อไป
ด้วยหมู่กรดอะมิโนซึ่งได้ถูกเติมลงปลายด้าน C ของมันที่ตำแหน่ง 448, และโดยที่หมู่กรดอะมิโน
ดังกล่าวไม่เป็นโพรลีนหรือหมู่กรดอะมิโนที่เป็นกรด
63. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 62, โดยที่อย่างน้อยหนึ่งหมู่กรดอะมิโนซึ่ง
ได้ถูกเติมลงปลายด้าน C ที่ตำแหน่ง 448 คือลูซีน
64. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 59 หรือข้อถือสิทธิที่ 60, โดยที่การ
แทรกสอดหมู่ไลซีนคือหมู่ไลซีนซึ่งได้ถูกสอดใส่ระหว่างซีรีน 191 และซีรีน 192 หรือระหว่างซีรีน
192 และลูซีน 193 บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน
65. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 59 หรือข้อถือสิทธิที่ 60, โดยที่อิมมูโนกลอ
บูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, คือชิ้นส่วนที่จับเกาะ (Fab), และโดยที่หมู่กรดอะมิโนตาม
ธรรมชาติซึ่งถูกกลายพันธุ์เป็นหมู่ไลซีนเลือกได้จากกลุ่มที่ประกอบด้วย: กรดแอสพาร์ติก 221
(D221K), ธรีโอนีน 223 (T223K), ฮิสทิสิน 224 (H224K), ธรีโอนีน 225 (T225K), โพรลีน 228
(P228K), โพรลีน 230 (P230K), และกรดกลูทามิก 233 (E233K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอ
บูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน
66. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 65, โดยที่ Fab ประกอบรวมด้วยบริเวณพับ
ทั้งหมด

หน้า 11 ของจำนวน 17หน้า
67. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 65, โดยที่ Fab ประกอบรวมด้วยบริเวณพับ
ที่ถูกทำให้สั้นลง
68. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 59 หรือข้อถือสิทธิที่ 60, โดยที่อิมมูโน
กลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, ประกอบรวมต่อไปด้วยหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่
สอง, โดยที่หมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สองคือการแทรกสอดหมู่ไลซีนที่สองหรือหมู่กรดอะมิโน
ตามธรรมชาติที่สองซึ่งถูกกลายพันธุ์เป็นหมู่ไลซีน, และโดยที่หมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สองได้
ถูกสังยุคกับหมู่กลูทามีนของซับสเทรตผู้ให้เอซิล
69. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 68, โดยที่หมู่กรดอะมัโนตามธรรมชาติ1ซึ่ง
ถูกกลายพันธุ์เป็นหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมคือซีรีน 136 (S136K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอ
บูลิ,น, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, และหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สองซึ่งถูกกลายพันธุ์
เป็นหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สองคือซีรีน 202 (S202K) บนสายโซ่เบาแคปปาของอิมมูโนกลอ
บูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน
70. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 68, โดยที่หมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติซึ่ง
ถูกกลายพันธุ์เป็นหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมคือธรีโอนีน 135 (T135K) บนสายโซ่หนักของอิมมู
โนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, และหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สองซึ่งถูก
กลายพันธุ์เป็นหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สองคือลูซีน 201 (L201K) บนสายโซ่เบาแคปปาของ
อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน
71. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 68, โดยที่หมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติซึ่ง
ถูกกลายพันธุ์เป็นหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมคือธรีโอนีน 135 (T135K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโน
กลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, และหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สองซึ่งถูก
กลายพันธุเป็นหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สองคือซีรีน 202 (S202K) บนสายโซ่เบาแคปปาของ
อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน
72. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 70 หรือข้อถือสิทธิที่ 71, โดยที่สายโซ่หนัก
ประกอบรวมต่อไปด้วยอย่างน้อยหนึ่งหมู่กรดอะมิโนซึ่งได้ถูกเติมลงปลายด้าน C ของมันที่ตำแหน่ง
448, และโดยที่อย่างน้อยหนึ่งหมู่กรดอะมิโนไม่เป็นโพรลีนหรือหมู่กรดอะมิโนที่เป็นกรด
73. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 72, โดยที่อย่างน้อยหนึ่งหมู่กรดอะมัโน1ซึ่ง
ได้ถูกเติมลงปลายด้าน C ที่ตำแหน่ง 448 คือลูซีน

หน้า 12ของจำนวน 17หน้า

74. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 69, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับ
เกาะแอนติเจนของมัน, ประกอบรวมต่อไปด้วยหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สาม, โดยที่หมู่ไลซีนที่
ถูกทำวิศวกรรมที่สามคือการแทรกสอดหมู่ไลซีนที่สามหรือหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สามซึ่งถูก
กลายพันธุเป็นหมู่ไลซีน, และโดยที่หมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สามได้ถูกสังยุคกับหมู่กลูทามีนของ
ซับสเทรดผู้ให้เอซิล
75. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 74, โดยที่หมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติซึ่ง
ถูกกลายพันธุ์เป็นหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมคือซีรีน 136 (S136K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอ
บูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, หมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สองซึ่งถูกกลายพันธุ์เป็น
หมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สองคือแอสพาราจีน 297 (N297K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอบูลิน,
หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, และหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สามซึ่งถูกกลายพันธุ์เป็น
หมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สามคือซีรีน 202 (S202K) บนสายโซ่เบาแคปปาของอิมมูโนกลอบูลิน,
หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน
76. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 74, โดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับ
เกาะแอนติเจนของมัน, ประกอบรวมต่อไปด้วยหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สี่, โดยที่หมู่ไลซีนที่ถูก
ทำวิศวกรรมที่สี่คือการแทรกสอดหมู่ไลซีนที่สี่หรือหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สี่ซึ่งถูกกลายพันธุ์
เป็นหมู่ไลซีน,และโดยที่หมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สี่ได้ถูกสังยุคกับหมู่กลูทามีนของซับสเทรต
ผู้ให้เอซิล
77. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 76, โดยที่หมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติซึ่ง
ถูกกลายพันธุ์เป็นหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมคือซีรีน 136 (S136K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอ
บูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, หมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สองซึ่งถูกกลายพันธุ์เป็น
หมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สองคือแอสพาราจีน 297 (N297K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอบูลิน,
หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, หมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สามซึ่งถูกกลายพันธุ์เป็นหมู่
ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมที่สามคือซีรีน 202 (S202K) บนสายโซ่เบาแคปปาของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือ
ส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, และหมู่กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่สี่ซึ่งถูกกลายพันธุ์เป็นหมู่ไลซีนที่
ถูกทำวิศวกรรมที่สี่คือโพรลีน 445 (P445K) บนสายโซ่หนักของอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะ
แอนติเจนของมัน
78. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 59 หรือข้อถือสิทธิที่ 60, โดยที่หมู่กรด
อะมิโนหลังจากหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมไม่เป็นหมู่โพรลีนหรือหมู่กรดอะมิโนที่เป็นกรด

หน้า 13 ของจำนวน 17 หน้า
79. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 59 หรือข้อถือสิทธิที่ 60, โดยที่หมู่กรด
อะมิโนก่อนหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมไม่เป็นหมู่กรดอะมิโนที่เป็นกรด
80. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 59 หรือข้อถือสิทธิที่ 60, โดยที่หมู่กรด
อะมิโนก่อนหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมคือ
การแทรกสอดหมู่กรดอะ มิโนที่ไม่เป็นกรด, หรือ
หมู่กรดอะมิโนที่เป็นกรดตามธรรมชาติซึ่งถูกกลายพันธุ์เป็นหมู่กรดอะมิโนที่ไม่เป็นกรด
81. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 59 หรือข้อถือสิทธิที่ 60, โดยที่หมู่กรดอะมิโน
หลังจากหมู่ไลซีนที่ถูกทำวิศวกรรมคือ
การแทรกสอดหมู่กรดอะมิโน, โดยที่การแทรกสอดหมู่กรดอะมิโนคือหมู่กรดอะมิโนที่ไม่
เป็นกรดและการแทรกสอดหมู่ที่ไม่เป็นโพรลีน, หรือ
หมู่กรดอะมิโนที่เป็นกรดตามธรรมชาติหรือหมู่โพรลีนตามธรรมชาติ,ซึ่งถูกกลายพันธุ์เป็น
หมู่กรดอะมิโนที่ไม่เป็นกรดและหมู่ที่ไม่เป็นโพรลีน
82. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 80, โดยที่หมู่กรดอะมิโนที่ไม่เป็นกรด
คือไลซีน, อาร์จินีน, ฮิสทิดีน, ชีวิน, ธวิโอนีน, แอสพาราจีน, กลูทามีน, ซิสเทอีน, ไกลชีน, โพรลีน,
อะลานีน, เวลีน, ไอโซลูชีน, ลูซีน, เมธโอนีน, เฟนิลอะลานีน, ไทโรชีน, หรือทริปโทเฟน
83. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 80, โดยที่การแทรกสอดหมู่กรดอะมิโนที่
ไม่เป็นกรดคือการแทรกสอดไลซีน, อาร์จินีน, ฮิสทิตีน, ซีวิน, ธรีโอนีน, แอสพาราจีน, กลูทามีน,
ซิสเทอีน, ไกลซีน, โพรลีน, อะลานีน, เวลีน, ไอโซลูซีน, ลูซีน, เมธิโอนีน, เฟนิลอะลานีน, ไทโรซีน,
หรือทริปโทเฟน
84. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 81, โดยที่กรดอะมิโนที่ไม่เป็นกรดและ
หมู่ที่ไม่เป็นโพรลีนคือไลชีน, อาร์จินีน, ฮิสทิตีน, ชีวิน, ธวิโอนีน, แอสพาราจีน, กลูทามีน, ซิสเทอีน,
ไกลชีน, อะลานีน, เวลีน, ไอโซลูซีน, ลูซีน, เมธโอนีน, เฟนิลอะลานีน, ไทโรซีน, หรือทริปโทเฟน
85. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 80 หรือข้อถือสิทธิที่ 81, โดยที่หมู่กรด
อะมิโนที่เป็นกรดธรรมชาติคือกรดแอสพาร์ติกหรือกรดกลูทามิก
86. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 59 หรือข้อถือสิทธิที่ 60, โดยที่อิมมูโน
กลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, ประกอบรวมด้วยสาย โซ่หนักซึ่งประกอบรวมต่อไป
ด้วยอย่างน้อยหนึ่งหมู่กรดอะมิโนซึ่งได้ถูกเติมลงปลายด้าน C ของมันที่ตำแหน่ง 448, และโดยที่อย่าง
น้อยหนึ่งหมู่กรดอะมิโนไม่เป็นโพรลีนหรือหมู่กรดอะมิโนที่เป็นกรด

หน้า 14 ของจำนวน 17 หน้า
87. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 86, โดยที่หมู่กรดอะมิโนซึ่งได้ถูกเติมลง
ปลายด้าน C ที่ตำแหน่ง 448 คือลูซีน
88. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 59 หรือข้อถือสิทธิที่ 60, โดยที่อิมมูโน
กลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, ประกอบรวมด้วยสายโซ่เบาซึ่งประกอบรวมด้วยการ
แทรกสอดของหนึ่งถึงสี่กรดอะมิโนเพิ่มเติมหลังจากซิสเทอีน 214, โดยที่การแทรกสอดหมู่ไลซีนคือ
หมู่ไลซีนซึ่งได้ถูกสอดใส่หลังจากหนึ่งถึงสี่กรดอะมิโนเพิ่มเติม, และโดยที่หมู่ลูซีนไค้ถูกแทรกสอด
หลังจากหมู่ไลซีน
89. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 88, โดยที่การแทรกสอดของหนึ่งถึงสี่
กรดอะมิโนเพิ่มเติมหลังจากซิสเทอีน 214, หมู่ไลซีนซึ่งไค้ถูกสอดใส่หลังจากหนึ่งถึงสี่กรดอะมิโน
เพิ่มเติม, และหมู่ลูซีนซึ่งได้ถูกสอดใส่หลังจากหมู่ไลซีนประกอบรวมด้วยลำดับที่เถือกได้จากกลุ่มที่
ประกอบด้วย: GKL, GGKL, GGSKL, และ GGSGKL
90. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 59, โดยที่สารที่ทำหน้าที่ที่ประกอบรวม
ด้วยซับสเทรตผู้ให้เอซิลเป็นไปตามหนึ่งสูตร (I) หรือ (II):
(Z)m-Gln-(L)n-(Y) (I)
(Y)-(L)n-Gln-(Z)m (II)
โดยที่
Z คือหมู่คาร์บอกซิลเบนซิลออกซี (CBZ) หรือหมู่กรดอะมิโน;
Gin คือหมู่กรดอะมิโนกลูทามีน;
แต่ละ L โดยเป็นอิสระคือตัวเชื่อมแนวตรงหรือเป็นกิ่งจาก 1 ถึง 20 คาร์บอนอะตอม, โดยที่
หนึ่งคาร์บอนอะตอมหรือมากกว่าอาจเลือกให้และโดยเป็นอิสระถูกแทนที่ด้วยไนโตรเจน, ออกซิเจน
หรือซัลเฟอร์อะตอม, และโดยที่แต่ละคาร์บอนและไนโตรเจนอะตอมอาจเลือกให้ถูกแทนที่; หรือ
แต่ละ L อาจเลือกให้และโดยเป็นอิสระเป็นหมู่กรดอะมิโน;
m คือจำนวนเต็มจาก 0 ถึง 5;
n คือจำนวนเต็มจาก 0 ถึง 5; และ
Y คือสารที่ทำหน้าที่
91. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 90, โดยที่สารที่ทำหน้าที่ที่ประกอบรวม
ด้วยซับสเทรตผู้ให้เอซิลเป็นไปตามสูตร (I), และโดยที่ Z คือหมู่ CBZ; โดยที่แต่ละ L โดยเป็นอิสระ

หน้า 15 ของจำนวน 17 หน้า

คือส่วนพอลิเอธิลีนไกลคอล (PEG) (-O((CH2>2)-), เอธิลเอมีน (-NH((CH2)2)-) หรือโพรพิลเอมีน
(-NH((CH2)3)-); และโดยที่ n คือ 0, 1, 2, 3, 4 หรือ 5
92. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 90, โดยที่สารที่ทำหน้าที่ที่ประกอบรวม
ด้วยซับสเทรตผู้ให้เอซิลเป็นไปตามสูตร (I), โดยที่ Z คือหมู่ CBZ, และ L คือกรดอะมิโน
93. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 92, โดยที่ L คือ Gly; m คือ 1; และ n คือ 0
94. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 92, โดยที่ L คือ Gly; m คือ 1; และ n คือ 1
95. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 90, โดยที่สารที่ทำหน้าที่ที่ประกอบรวม
ด้วยซับสเทรตผู้ให้เอซิลเป็นไปตามสูตร (II), โดยที่ Z คือหมู่ CBZ; m คือ 1; n คือ 1, 2 หรือ 3; และ
อย่างน้อยหนึ่ง L คือ Gly
96. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 90, โดยที่สารที่ทำหน้าที่ Y คือออริสเททิน
F
97. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 60, โดยที่ซับสเทรตผู้ให้เอซิลเป็นไปตาม
หนึ่งสูตร (III) หรือ (IV):
(Z)m-Gln-(L)n-(X) (III)
(X)-(L)n-Gln-(Z)m (IV)
โดยที่
Z คือหมู่คาร์บอกซิลเบนซิลออกซี (CBZ) หรือหมู่กรดอะมิโน;
Gin คือหมู่กรดอะมิโนกลูทามีน;
แต่ละ L โดยเป็นอิสระคือตัวเชื่อมแนวตรงหรือเป็นกิ่งจาก 1 ถึง 20 คาร์บอนอะตอม, โดยที่
หนึ่งคาร์บอนอะตอมหรือมากกว่าอาจเลือกให้และโดยเป็นอิสระถูกแทนที่ด้วยไนโตรเจน, ออกซิเจน
หรือซัลเฟอร์อะตอม, และโดยที่แต่ละคาร์บอนและไนโตรเจนอะตอมอาจเลือกให้ถูกแทนที่; หรือ
แต่ละ L อาจเลือกให้และโดยเป็นอิสระเป็นหมู่กรดอะมิโน;
m คือจำนวนเต็มจาก 0 ถึง 5;
n คือจำนวนเต็มจาก 0 ถึง 5; และ
X คือหมู่ที่ไวปฏิกิริยา
98. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 97, โดยที่ซับสเทรตผู้ให้เอซิลเป็นไปตาม
สูตร (III), และโดยที่ Z คือหมู่ CBZ; โดยที่แต่ละ L โดยเป็นอิสระคือส่วนพอลิเอธิลีนไกลคอล (PEG)

หน้า 16 ของจำนวน 17 หน้า
(-O((CH2)2)-), เอธิลเอมีน (-NH((CH2)2)-) หรือโพรพิลเอมีน (-NH((CH2)3)-); และโดยที่ n คือ 0,1, 2,
3, 4, หรือ 5
99. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 97, โดยที่ซับสเทรตผู้ให้เอซิลเป็นไปตาม
สูตร (III), โดยที่ Z คือหมู่ CBZ, และโดยที่หนึ่ง L หรือมากกว่าคือกรดอะมิโน
100. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 99, โดยที่ L คือ Gly; m คือ 1; และ ท คือ 1
101. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 99, โดยที่ m คือ 1; และ n คือ 0
102. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 97, โดยที่ซับสเทรตผู้ให้เอซิลเป็นไปตาม
สูตร (IV), โดยที่ Z คือหมู่ CBZ; m คือ 1; n คือ 1, 2 หรือ 3; และอย่างน้อยหนึ่ง L คือ Gly
103. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 97, โดยที่ X คือหมู่ที่ไวปฏิกิริยาที่เลือกได้
จากกลุ่มที่ประกอบด้วย (1R,8S,9s)-ไบไซโคล[6.1.0]นอน-4-อิน-9-อิลเมธานอล

(BCN),    สูตรเคมี (ไดเบนโซไซโคลออคไทน์; DBCO), ทรานส์-ไซโคล
ออคทีน (TCO), อะซิโด (N3), อัลไคน์, เททระซีนเมธิลไซโคลโพรพิน, นอร์บอร์นีน, ไฮดราไซด์/
ไฮดราซีน, และอัลดีไฮด์
104. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 59 หรือข้อถือสิทธิที่ 60, โดยที่สารบำบัดคือ
แอนติบอดีหรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, สารเคมีบำบัด, สารที่เป็นยา, สารกัมมันตภาพรังสี,
สารที่เป็นพิษต่อเชลล์, สารปฏิชีวนะ, โมเลกุลขนาดเล็ก, กรดนิวคลีอิก, หรือพอลิเพพไทด์
105. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 59 หรือข้อถือสิทธิที่ 60, โดยที่สารตรวจ
วินิจฉัยคือฟลูออโรฟอร์, สีฟลูออเรสเซนด์, นิวไคลด์กัมมันตรังสี, หรือเอนไซม์
106. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 59 หรือข้อถือสิทธิที่ 60, โดยที่อิมมูโน
กลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, คือ IgG1อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะ
แอนติเจนของมัน
107. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 59 หรือข้อถือสิทธิที่ 60, โดยที่อิมมูโน
กลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, คือ IgG2, IgG3, หรือ IgG4 อิมมูโนกลอบูลิน, หรือ
ส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน

หน้า 17 ของจำนวน 17 หน้า
108. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 59 หรือข้อถือสิทธิที่ 60, โดยที่อิมมูโน
กลอนุลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, คือ IgA, IgA2, หรือ IgM อิมมูโนกลอบูลิน, หรือ
ส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน
109. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 59 หรือข้อถือสิทธิที่ 60, โดยที่อิมมูโน
กลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, คือ IgD หรือ IgE, อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับ
เกาะแอนติเจนของมัน
110. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 59 หรือข้อถือสิทธิที่ 60, โดยที่อิมมูโน
กลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, คือชินส่วนที่จับเกาะ (Fab)
111. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิที่ 59-110, โดยที่อิมมูโน
กลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, คืออิมมูโนกลอบูลินของมนุษย์, หรือส่วนที่จับเกาะ
แอนติเจนของมัน, หรือฮิวแมไนซ์อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน
112. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิที่ 59-110, โดยที่อิมมูโน
กลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, คือไคมีริกอิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะ
แอนติเจนของมัน, หรืออิมมูโนกลอบูลินที่ไม่เป็นของมนุษย์, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน
113. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิที่ 59-110, โดยที่อิมมูโน
กลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, ประกอบรวมด้วยสองสายโซ่หนักและสอง
สายโซ่เบา
114. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อใดๆของข้อถือสิทธิที่ 59-110, โดยที่อัตราส่วนของ
สารที่ทำหน้าที่ต่ออิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, คือ 1:1 ถึง 100:1 หรือ 1:1
 ถึง 200:1
115. อิมมูโนกลอนุลินสังยุคของข้อถือสิทธิที่ 58 หรือข้อถือสิทธิที่ 59, โดยที่สารที่
ทำหน้าที่คือแอนติบอดี, หรือส่วนที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, และโดยที่อิมมูโนกลอบูลิน, หรือส่วน
ที่จับเกาะแอนติเจนของมัน, และ สารที่ทำหน้าที่จับเกาะแอนติเจนเดียวกันหรือจับเกาะแอนติเจนที่
แตกต่างกัน
116. องค์ประกอบทางเภสัชกรรมที่ประกอบรวมด้วยอิมมูโนกลอบูลินสังยุคของข้อใด
ข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิที่ 59-115,และตัวพาที่ยอมรับได้ทางเภสัชกรรม
117. อิมมูโนกลอบูลินสังยุคที่ผลิตโดยวิธีของข้อใดข้อหนึ่งของข้อถือสิทธิที่ 1-58



© 2021 DIP